วิตามินซี ประโยชน์วิตามินซี วิตามินซีควรกินตอนไหน ให้ดูดซึมดี ได้ประโยชน์เต็มๆ
วิตามินซี ประโยชน์วิตามินซี วิตามินซีควรกินตอนไหน ให้ดูดซึมดี ได้ประโยชน์เต็มๆ
กินวิตามินซีตอนไหน ดูดซึมดี ได้ประโยชน์เต็ม ๆ
วิตามินซี ประโยชน์วิตามินซี วิตามินซีควรกินตอนไหน ให้ดูดซึมดี ได้ประโยชน์เต็มๆ : วิตามินซีเป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการ มีหน้าที่หลักในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ชะลอวัย และต้านอนุมูลอิสระ แต่ร่างกายของเราไม่สามารถผลิตวิตามินซีเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารหรืออาหารเสริม
การทานวิตามินซีเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดมักแนะนำให้ทานก่อนอาหารหรือระหว่างมื้ออาหาร เนื่องจากวิตามินซีมีความเป็นกรดและสามารถละลายในน้ำได้ง่าย การทานก่อนอาหารหรือระหว่างมื้ออาหารจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอื่น ๆ พร้อมกันไปด้วย และช่วยให้การดูดซึมของวิตามินซีเข้าสู่ร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การทานวิตามินซีก่อนนอนก็เป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากสารอาหารในร่างกายมักมีการนำไปใช้ประโยชน์มากที่สุดในช่วงเวลาที่หลับ แต่การทานวิตามินซีก่อนนอนอาจทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายในกระเพาะอาหารได้ ดังนั้น การเลือกเวลาที่ทานวิตามินซีควรพิจารณาตามความสะดวกและสมควรของแต่ละบุคคลด้วย อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญเสมอ
ประโยชน์ของวิตามินซี
วิตามินซี หรือกรดแอสคอร์บิก เป็นวิตามินชนิดละลายน้ำที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารหรืออาหารเสริม
ประโยชน์ของวิตามินซี มีมากมาย ดังนี้
- สารต้านอนุมูลอิสระ: วิตามินซีช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคอัลไซเมอร์
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: วิตามินซีช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ดีขึ้น
- ซ่อมแซมเซลล์: วิตามินซีมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: วิตามินซีเป็น cofactor สำคัญในการสังเคราะห์คอลลาเจน โปรตีนที่ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ยืดหยุ่น
- บำรุงสุขภาพผู้หญิง: วิตามินซีช่วยบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน และช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก
- ประโยชน์อื่นๆ: วิตามินซีมีบทบาทในหลายกระบวนการของร่างกาย เช่น ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงสายตา ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และลดความเครียด
ป้องกันหวัดด้วยวิตามินซี ได้ผลจริงหรือหลอกลวง?
การศึกษาล่าสุดจากคณะเภสัชศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยมหิดลได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภควิตามินซีและการป้องกันหวัด. ตามผลการวิจัยนี้ การรับประทานวิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสมอาจไม่มีผลต่อการลดความเสี่ยงในการเป็นหวัด. มันเหมือนว่าวิตามินซีอาจมีบทบาทในการลดความรุนแรงของอาการหวัดและช่วยลดระยะเวลาในการเป็นหวัด แต่มีผลที่ไม่แน่นอน.
แต่มีข้อมูลที่ชัดเจนที่บอกว่าการรับประทานวิตามินซีเป็นประจำอาจมีประโยชน์ในกลุ่มผู้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของการลดความเสี่ยงในการเป็นหวัด ซึ่งอาจลดลงถึง 50%.
ดังนั้น การบริโภควิตามินซีอาจมีประโยชน์ในบางกรณี แต่ไม่ควรพึงพอใจมากเกินไป. ควรพิจารณาความเหมาะสมของการใช้วิตามินซีในแต่ละบุคคล และควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะเริ่มต้นรับประทานอย่างเชี่ยวชาญ.
ร่างกายต้องการวิตามินซีวันละเท่าไหร่?
ปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายต้องการต่อวันจะแตกต่างกันไปตามกลุ่มเป้าหมายและสภาวะทางสุขภาพของแต่ละบุคคล. องค์กรอาหารและยาอาจแนะนำปริมาณเฉลี่ยว่าคนใหญ่ต้องการประมาณ 65-90 มิลลิกรัมต่อวัน แต่มีการเสนอข้อมูลว่าบางบุคคลอาจต้องการมากกว่านี้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการการบริโภคเพิ่มเติม เช่น ผู้ที่ออกกำลังกายหนัก หรือกำลังผ่านการรักษาอาการป่วย อาจต้องการปริมาณวิตามินซีเพิ่มเติม.
อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อปรับปริมาณวิตามินซีที่เหมาะสมตามความต้องการของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ โดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ เพศ สภาวะทางสุขภาพ และกิจกรรมที่เคลื่อนไหวของบุคคลนั้น ๆ อย่างเป็นระบบ.
วิตามินซี เลือกกินแบบไหนดี?
วิตามินซีที่มีการจัดจำหน่ายในท้องตลาดมีหลายรูปแบบต่างกัน แต่ละแบบก็มีคุณสมบัติและลักษณะที่แตกต่างกันไป ดังนี้
1.วิตามินซี ชนิดเม็ด สำหรับรับประทาน
รูปแบบที่นิยมมากที่สุดของวิตามินซีมักจะมีขนาดตั้งแต่ 25-1,000 มิลลิกรัมต่อเม็ด แต่ส่วนใหญ่จะมีเลือกในขนาด 500 และ 1,000 มิลลิกรัมต่อเม็ด เวลาที่ขนาดเป็น 500 มิลลิกรัมบางบริษัทอาจจะมีในรูปแบบ Buffered, Sustained release หรือ Slow release ซึ่งจะปล่อยวิตามินซีออกมาอย่างช้าๆ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น ต่างจากวิตามินซีในรูปแบบเม็ดทั่วไปที่จะปล่อยวิตามินซีออกมาทันทีที่บริโภค
2.วิตามินซีชนิดเม็ดอม
วิตามินซีที่มีจำหน่ายมีขนาดตั้งแต่ 25, 50, 100 และ 500 มิลลิกรัม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากับการกลืนเม็ดยา อย่างไรก็ตาม การบริโภควิตามินซีในรูปแบบเม็ดอมควรหลีกเลี่ยงการใช้บ่อยๆ เนื่องจากกรดในวิตามินซีอาจทำลายเคลือบฟัน ซึ่งอาจทำให้ฟันกร่อนได้
3.วิตามินซีชนิดเม็ดเคี้ยว
ขนาดบรรจุเม็ดละ 30 มิลลิกรัม เป็นที่นิยมสำหรับวิตามินซีที่มีการแต่งสีและรสชาติเพื่อความง่ายต่อการบริโภค มักเหมาะสำหรับเด็ก ๆ อย่างไรก็ตาม หากบริโภคมากเกินไปอาจทำให้เกิดฟันผุ เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลที่สูงในส่วนผสม
4.วิตามินซีชนิดเม็ดฟู่
วิตามินซีที่มีแบบขนาด 500 และ 1,000 มิลลิกรัม จะเป็นรูปแบบเม็ดฟู่ ซึ่งต้องนำเม็ดยาไปละลายในน้ำก่อน และรอจนกว่าฟองฟู่จะหายไปจนหมดก่อนที่จะดื่ม เนื่องจากฟองที่เกิดขึ้นเป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ หากกินเข้าไปอาจทำให้ท้องอืดได้ วิตามินซีชนิดนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาในการกลืนเม็ดยาหรือไม่สามารถกลืนเม็ดยาขนาดใหญ่ได้
5.วิตามินซีชนิดฉีด
วิตามินซีที่เป็นสารละลายขนาด 500 มิลลิกรัม เป็นสารที่ต้องให้แพทย์หรือพยาบาลทำการฉีดให้เท่านั้น จึงไม่ควรใช้ทุกวัน. การเลือกรับประทานวิตามินซีควรพิจารณาเนื่องจากความต้องการและวัตถุประสงค์ของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ประโยชน์มากที่สุดจากวิตามินซี
การรับประทานวิตามินซีมากไป จะมีผลเสียอย่างไร
การรับประทานวิตามินซีมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้แก่การระคายเคืองระบบย่อยอาหาร เนื่องจากมีความเข้มข้นของวิตามินซีมากเกินไปทำให้ร่างกายดูดซึมได้น้อยลง ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหารได้ นอกจากนี้ การมีปริมาณธาตุเหล็กในร่างกายมากเกินไปเนื่องจากการกระตุ้นการดูดซึมธาตุเหล็กโดยวิตามินซีที่มากเกินไปอาจเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต เพราะส่วนที่เกินไปจะถูกขับออกมาเป็นของเสีย ทั้งนี้ อย่างไรก็ตาม วิตามินซีไม่มีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเมื่อได้รับปริมาณที่ถูกต้องตามความต้องการของแต่ละบุคคลและไม่เกินปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน
นอกจากความเสี่ยงดังกล่าวแล้ว ยังมีผลเสียอื่นที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้ ท้องร่วง , ท้องอืด , เป็นตะคริวที่ท้อง , มีความรู้สึกไม่สบายท้อง , วิงเวียนศีรษะ , อาเจียน , ปวดท้อง , นอนไม่หลับ