7 น้ำมันปลา ยี่ห้อไหนดี ที่ช่วยลดลิ่มเลือดอุดตัน เสริมภูมิคุ้มกัน
7 น้ำมันปลา ทางลัดสู่สุขภาพดี
น้ำมันปลากำลังเป็นที่นิยม หลายคนทานเพื่อลดลิ่มเลือดอุดตันก่อนฉีดวัคซีนโควิด บ้างก็ทานเพื่อบำรุงหัวใจและสมอง แต่ น้ำมันปลาดีจริงหรือ? ควรทานไหม? เลือกแบบไหนดี? น้ำมันปลา มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น ลดลิ่มเลือดอุดตัน : กรดไขมันโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา ช่วยลดการอักเสบและการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด , บำรุงหัวใจ : ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ เพิ่มไขมัน HDL (ไขมันดี) และลดความดันโลหิต ,บำรุงสมอง : กรดไขมัน DHA ช่วยพัฒนาการของสมองและสายตา
น้ำมันปลาดีจริงหรือ มีงานวิจัยรองรับว่าน้ำมันปลาช่วยลดลิ่มเลือดอุดตัน บำรุงหัวใจ สมอง และสายตา กรดไขมันโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลาช่วยลดไขมันในเลือด ป้องกันโรคหัวใจ DHA ในน้ำมันปลาช่วยพัฒนาสมอง สายตา และระบบประสาท
ควรทานน้ำมันปลาไหม?
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง
- เด็กและวัยเรียน ทานเพื่อพัฒนาสมองและสายตา
- ผู้สูงอายุ ทานเพื่อป้องกันโรคอัลไซเมอร์
เลือกน้ำมันปลาแบบไหนดี?
- เลือกที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง EPA 180 มก. DHA 120 มก.
- เลือกยี่ห้อที่มี อย. รับรอง
- เลือกแบบแคปซูลนิ่ม ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน
น้ำมันปลาคืออะไร?
น้ำมันปลา (Fish Oil) คือ น้ำมันที่สกัดจากส่วนต่างๆ ของปลา โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง
กรดไขมันโอเมก้า 3 มีอะไรบ้าง?
ในน้ำมันปลาจะมีกรดไขมันหลักๆ อยู่ 2 ชนิด คือ
- DHA (Docosahexaenoic Acid) : เป็นโครงสร้างสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์สมองและจอประสาทตา ช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการของสมองและสายตา
- EPA (Eicosapentaenoic Acid) : ช่วยเสริมความแข็งแรงของเยื่อบุผิวของหลอดเลือด ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในเรื่องการทำงานของหัวใจ ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์และช่วยลดระดับไขมันในเลือด รวมถึงยังช่วยลดความข้นหนืดของกระแสเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ป้องกันการแข็งตัวของเกล็ดเลือดและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดหัวใจ และสมองได้
ทำไมร่างกายจึงต้องการกรดไขมันโอเมก้า 3? ร่างกายไม่สามารถสร้างกรดไขมันโอเมก้า 3 เองได้ therefore จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร
ประโยชน์ของน้ำมันปลา:
- บำรุงสมองและสายตา: DHA ช่วยพัฒนาการของสมองและสายตา เหมาะสำหรับเด็กและวัยเรียน
- บำรุงหัวใจ: EPA ช่วยเสริมสร้างระบบหัวใจ ช่วยลดไขมันในเลือด ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ลดความเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน: EPA ช่วยลดความข้นหนืดของเลือด ป้องกันการแข็งตัวของเกล็ดเลือด
- ลดไขมันในเลือด: EPA ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์และช่วยลดระดับไขมันในเลือด
- บำรุงข้อต่อ: น้ำมันปลาช่วยลดอาการอักเสบของข้อต่อ
7 น้ำมันปลา ยี่ห้อไหนดี ที่ช่วยลดลิ่มเลือดอุดตัน เสริมภูมิคุ้มกัน
นี่คือ 7 อันดับน้ำมันปลาที่ดีที่สุดในปี 2024 ที่ช่วยลดลิ่มเลือดอุดตัน ลดไขมัน และบำรุงสมอง
1.น้ำมันปลา Mega We Care 1000 มก.น้ำมันปลาคุณภาพ มาตรฐานสากล
เมก้า วี แคร์ ฟิช ออยล์ 1000 มก. ผลิตในประเทศไทย ภายใต้มาตรฐานสากลที่ได้รับการรองรับจากทั้งเยอรมนี (BfArM) และออสเตรเลีย (TGA) มั่นใจได้ว่าปลอดภัยจากสารปนเปื้อน ขวดทำจากพลาสติกเกรดยาสีขาว และบรรจุแคปซูลซอฟต์เจลสีเหลืองใสขนาด 1,000 มก. มีโอเมก้า-3 ประกอบด้วย EPA 180 มก. และ DHA 120 มก. ตามมาตรฐาน และยังมีการเสริมวิตามินอีอีกด้วย ขนาด 100 แคปซูล มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง 1000 มก. ต่อแคปซูล , ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ , ช่วยลดความดันโลหิต , ช่วยบำรุงสมองและสายตา
จุดเด่นของน้ำมันปลา:
- มาตรฐานสากล: ผลิตภายใต้มาตรฐาน BfArM ของเยอรมนี และ TGA ของออสเตรเลีย มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและคุณภาพ
- โอเมก้า-3 สูง: อุดมไปด้วย EPA 180 มก. และ DHA 120 มก. ตรงตามมาตรฐาน
- วิตามินอี: เพิ่มประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระ
- สะดวก: บรรจุแคปซูลซอฟต์เจล ทานง่าย
2.น้ำมันปลา Blackmores Fish Oil 1000 mg.
แบลคมอร์ส ฟิช ออยล์ 1000 มก.: น้ำมันปลาคุณภาพสูง อุดมด้วยโอเมก้า-3 มาในขวดแก้วสีทึบ ช่วยป้องกันแสงแดดและรักษาคุณภาพของน้ำมันปลาไว้ได้ ด้านในบรรจุแคปซูลซอฟต์เจลสีเหลืองใส ขนาด 1,000 มก. คุณสมบัติ แคปซูลซอฟต์เจล 1 แคปซูล ประกอบด้วย: น้ำมันปลาทะเล 1,000 มก ,กรดไขมันโอเมก้า-3 300 มก. , EPA 180 มก. , DHA 120 มก , วิตามินอี 10 หน่วยสากล
จุดเด่น:
- โอเมก้า-3 สูง: อุดมไปด้วย EPA 180 มก. และ DHA 120 มก. ตรงตามมาตรฐาน
- วิตามินอี: เพิ่มประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อมและป้องกันการเหม็นหืนของน้ำมันปลา
- ไม่มีกลิ่นคาว: ทานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นคาวปลา
- มาตรฐานแบลคมอร์ส: ผลิตจากปลาทะเลน้ำลึก ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ไร้สารปนเปื้อน
3.Giffarine Fish Oil 1,000 mg.
กิฟฟารีน ฟิช ออยล์ 1000 มก. เป็นแคปซูลนิ่ม ขนาด 1,000 มก. เต็มไปด้วยสารอาหารสำคัญ EPA 180 มก. และ DHA 120 มก. เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ และ ยังมีวิตามินอีอีกด้วย ขวดทำจากพลาสติกสีขาวทึบที่มาพร้อมกับฝาบิดเกลียว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันปลาเหม็นหืน และมาพร้อมกับแคปซูลขนาดใหญ่ถึง 100 เม็ด
จุดเด่น:
- โอเมก้า-3 สูง: อุดมไปด้วย EPA 180 มก. และ DHA 120 มก. ตรงตามมาตรฐาน
- วิตามินอี: เพิ่มประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อมและป้องกันการเหม็นหืนของน้ำมันปลา
4. Vitamate Max Fish Oil
ไวตาเมท แมกซ์ ฟิช ออยล์: น้ำมันปลาคุณภาพสูง บำรุงสมองและสายตา
ไวตาเมท แมกซ์ ฟิช ออยล์ มาในรูปแบบแคปซูลนิ่ม ขนาด 1,000 มก. เต็มไปด้วยสารอาหารสำคัญ คุณสมบัติ มีน้ำมันปลา และ กรดไขมันโอเมก้า-3 , DHA
จุดเด่น:
- โอเมก้า-3 สูง: อุดมไปด้วย EPA 180 มก. และ DHA 120 มก. ตรงตามมาตรฐาน
- ราคาประหยัด: เหมาะสำหรับผู้เริ่มทาน
- พกพาสะดวก: เหมาะสำหรับพกพาไปทานระหว่างวัน
5. Atomy Alaska E-OMEGA 3
อะโทมี่ อลาสก้า อี-โอเมก้า 3: น้ำมันปลาคุณภาพสูงจากเกาหลี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาจากประเทศเกาหลี มาในขวดพลาสติกสีขาวทึบ ฝาบิดเกลียวแบบ Childproof ปลอดภัย มั่นใจได้ว่าเด็กๆ จะเปิดเองไม่ได้ คุณสมบัติ ประกอบด้วย น้ำมันปลา กรดไขมันโอเมก้า-3 , EPA , DHA วิตามินอี
6. Vistra Salmon Fish Oil
วิสทร้า แซลมอน ฟิช ออยล์ 1000 มก.: น้ำมันปลาแซลมอนคุณภาพสูง ปราศจากกลิ่นคาว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาแซลมอน มาในรูปแบบแคปซูลซอฟต์เจลสีเหลืองใส ปราศจากกลิ่นคาว ทานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นคาวปลา คุณสมบัติประกอบด้วย น้ำมันปลาแซลมอน กรดไขมันโอเมก้า-3 , EPA ,DHA
7.California Gold Nutrition Omega-3 Premium Fish Oil
แคลิฟอร์เนีย โกลด์ นิวทริชั่น โอเมก้า-3 พรีเมี่ยม ฟิช ออยล์: น้ำมันปลาคุณภาพสูงจากอเมริกา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาจากประเทศอเมริกา ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล มั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย
จุดเด่น:
- โอเมก้า-3 สูง: อุดมไปด้วย EPA 180 มก. และ DHA 120 มก. ตรงตามมาตรฐาน
- มาตรฐานสากล: ได้รับการรับรองจาก iTested และ NSF
- กลิ่นคาวน้อย: ทานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นคาวปลา
น้ำมันปลา ดีต่อใจ ดีต่อสมอง แต่ต้องระวังนิดนึงนะ!
น้ำมันปลาอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นสารอาหารจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น
- บำรุงหัวใจ: ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ช่วยให้เกล็ดเลือดไม่จับตัวกันเป็นก้อน ป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว
- บำรุงสมอง: ช่วยให้ความจำดี พัฒนาการทางสมอง
- บำรุงสายตา: ช่วยให้มองเห็นชัดเจน ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม
- ลดอาการอักเสบ: ช่วยลดอาการปวดข้ออักเสบ รูมาตอยด์ โรคสะเก็ดเงิน
- ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง: เช่น โรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน
อย่างไรก็ตาม การทานน้ำมันปลาก็มีข้อควรระวังเช่นกัน
- ผู้ที่ทานยาแอสไพรินอยู่ควรหลีกเลี่ยงการทานน้ำมันปลา เพราะน้ำมันปลาอาจเพิ่มความเสี่ยงของเลือดออก
- ผู้ที่แพ้อาหารทะเลควรหลีกเลี่ยงการทานน้ำมันปลา เพราะอาจเกิดอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน ลมพิษ หายใจลำบาก
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานน้ำมันปลา เช่น ผู้ที่มีโรคเลือดออกง่าย โรคตับ โรคไต
- ไม่ควรทานน้ำมันปลาในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น เรอ คลื่นไส้ ท้องเสีย
สำหรับปริมาณการทานน้ำมันปลาที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับเพศ อายุ และสุขภาพโดยรวม โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใหญ่สามารถทานน้ำมันปลาได้วันละ 1-2 กรัม (1,000-2,000 มิลลิกรัม)