แชมพูทำสีที่ควรลองในปี 2024 เพื่อฟื้นฟูและล็อกสีผม

แชมพูทำสีผมเลือกแบบไหนฟื้นฟูผมเสีย

ในปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงสีผมเป็นเรื่องที่แพร่หลายอย่างมาก และหนึ่งในปัญหาที่ผู้ที่ทำสีผมพบบ่อยคือ การที่สีผมจะเริ่มซีดหรือเปลี่ยนโทนสีไปอย่างไม่คาดคิดหลังจากการล้างผม การทำสีผมใหม่ทุกครั้งไม่เพียงแต่เป็นการใช้เงินเปล่า แต่ยังเสี่ยงต่อความเสียหายของเส้นผมเอง เนื่องจากการใช้สารเคมีที่เข้มข้นเพื่อเปลี่ยนสีผมอาจทำให้เส้นผมเป็นโทรมและแห้งได้ ดังนั้น, การดูแลผมที่ทำสีด้วยวิธีหนึ่งคือการใช้แชมพูสำหรับผมทำสีเพื่อช่วยรักษาสีผมและความแข็งแรงของเส้นผมให้คงทนอยู่ตลอดเวลา

การเลือกใช้แชมพูสำหรับผมทำสีที่มีส่วนผสมที่ปกป้องเส้นผมจากมลภาวะและปัจจัยต่าง ๆ เพื่อรักษาสีผมให้คงทนและไม่หลุดออกไปทุกครั้งที่สระ และช่วยเพิ่มความติดทนให้กับสีผมมากกว่าแชมพูทั่วไป

การทำสีผมมีขั้นตอนใดที่ทำให้เส้นผมเสียและอ่อนแอลง?

ในกระบวนการทำสีผม, มีขั้นตอนที่เรียกว่าการตรวจสอบสีหรือการกัดสีผมก่อนการทำการสี ขั้นตอนนี้เป็นการเปิดเผยเกล็ดผมโดยการใช้สารเคมีกลุ่มเปอร์ออกไซด์และแอมโมเนีย เหล่านี้จะทำลายเม็ดสีธรรมชาติในเส้นผมเพื่อเปลี่ยนสีของเส้นผมให้มีโทนที่ต้องการ เช่น เปลี่ยนสีไปเป็นสีทองหรือสีขาว เพื่อให้สีที่ต้องการเติบโตขึ้นมาชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตาม, การใช้วิธีการตรวจสอบสีหรือการกัดสี อาจส่งผลให้เส้นผมเสียหายและอ่อนแอลง เนื่องจากการทำลายชั้นผม CMC หรือชั้นไขมันอย่างสุภาพจัดอย่างมาก
เมื่อตัดสินใจที่จะข้ามขั้นตอนการฟอกสีหรือกัดสีและไปทำการทำสีทันที อาจจะช่วยลดความรุนแรงในการทำลายชั้นผม CMC ลงได้บ้าง โดยไม่ทำให้เกิดการทำลายในรูปแบบของการฟอกสีหรือกัดสี แต่ก็ยังมีส่วนของสารในผลิตภัณฑ์ทำสีที่อาจทำให้เกล็ดผมหลุดร่วงได้ ซึ่งอาจทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นได้ อีกทั้งหากข้ามขั้นตอนการฟอกสีหรือกัดสี สีผมที่ได้อาจจะไม่สวยงามหรือไม่มีความเป็นเจ้าของตามที่คาดหวัง ซึ่งการตัดสินใจนี้จึงถือเป็นการต่อสู้กับการต้องแลกเสียด้วยสุขภาพผมที่อ่อนแอลงไปด้วย

การทำสีผมเสร็จสิ้นแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการสระผมเป็นเวลานานเท่าไหร่?

หลังจากการทำสีผมเสร็จสิ้นแล้วเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง ควรเลี่ยงการสระผมโดยใช้แชมพู อย่างน้อยในช่วงเวลานั้น เนื่องจากสารเคมีและสียังคงปฎิกิริยากันอยู่ในเส้นผม ซึ่งอาจทำให้ผมยังคงสภาพไม่เรียบร้อยอยู่ การสระผมทันทีหลังการทำสีอาจทำให้สีหลุดออกได้ง่าย เนื่องจากแชมพูมักมีสารซัลเฟตที่ชะล้างและทำความสะอาดเส้นผมอยู่ ซึ่งอาจส่งผลให้สีผมที่ถูกทำสีใหม่หลุดออกไปด้วย แต่ในทางกลับกัน สามารถใช้น้ำเปล่าในการล้างผมและใช้ครีมนวดบำรุงปลายผมเพื่อรักษาความชุ่มชื่นของเส้นผมได้

การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผมที่เหมาะสมสำหรับผมที่ทำสี

ทีนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผมที่เหมาะสำหรับผมของคุณ ไม่ว่าจะเป็นแชมพูที่เหมาะกับผมที่ทำสีหรือไม่ และสิ่งที่ควรพิจารณาในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้คุณสามารถเลือกได้ถูกต้อง นอกจากนี้ยังช่วยให้ผมของคุณล็อกสีที่สวยงามได้ยาวนาน และยังคงความนุ่มนวลและมีน้ำหนักเหมาะสม เพื่อให้เส้นผมและหนังศีรษะยังคงมีสุขภาพดีอย่างต่อเนื่อง

1.เลือกแชมพูที่เหมาะสำหรับการรักษาสีผมสำหรับผู้ที่ทำสีผมโดยเฉพาะ

สำหรับผู้ที่ทำการสีผม อาจมีความกังวลเกี่ยวกับการเลือกใช้แชมพูที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้สีผมไม่ถอดออกไปเร็ว มาดูกันว่ามีปัจจัยสำคัญใดบ้างที่ควรพิจารณาในการเลือกใช้แชมพูสำหรับผู้ที่ทำการสีผม

  • การเลือกใช้แชมพูสำหรับผู้ที่ทำการสีผมเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมีจำนวนสารกลุ่มซัลเฟตน้อยกว่าแชมพูทั่วไป

สารกลุ่มซัลเฟตมีบทบาทในการทำความสะอาดและสร้างฟองเมื่อเราสระผม การล้างสิ่งสกปรกทุกครั้งจะทำให้สีผมที่ถูกฝังอยู่ในเส้นผมลอดออกมาด้วย เวลาทำสีผมแล้วสีจะคงอยู่นานหรือไม่นาน ขึ้นอยู่กับปริมาณสารกลุ่มซัลเฟตในแชมพูด้วย เมื่อมีปริมาณสารกลุ่มซัลเฟตน้อยลง สีจะคงอยู่ได้นานมากขึ้น หรืออาจพิจารณาเลือกใช้แชมพูที่เป็นกลุ่ม Sulfate Free ซึ่งมีปริมาณสารซัลเฟตน้อยมาก เพื่อให้มั่นใจว่าสีผมจะคงอยู่นานเมื่อเราทำการสระผมแต่ละครั้ง
อย่างไรก็ตาม, การใช้แชมพูที่เป็นกลุ่ม Sulfate Free หรือ Color Safe อาจมีประโยชน์ในการรักษาสีผมให้คงทนนานมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้แชมพูทั่วไป แต่ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพและสุขภาพของเส้นผมหลังการทำสีเช่นกัน สำหรับผู้ที่มีเส้นผมแห้ง แตกต่าง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการชี้ฟูม การใช้แชมพูทั่วไปอาจทำให้สีผมหลุดออกไปได้เร็วกว่า แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นใช้แชมพูสำหรับผมทำสี อาจสามารถทำการสระได้ถึง 5-6 ครั้งโดยที่สีผมยังคงคงทนอยู่ และสีจะค่อย ๆ หลุดลอกไปอย่างน้อยลง

  • เลือกแชมพูสีให้เหมาะกับผมทำสี คงสีสวยสดใส ดวยแชมพูสีม่วง

สำหรับผู้ที่ทำการสีผม, การใช้แชมพูสีเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสีผมให้คงทนนานมากขึ้น เนื่องจากมันช่วยเติมเม็ดสีสังเคราะห์เข้าไปในเส้นผมเพื่อช่วยให้สีที่ทำมาคงอยู่นานขึ้น อย่างไรก็ตาม, แชมพูสีไม่มีส่วนช่วยในการบำรุงเส้นผมหรือหนังศีรษะ เมื่อใช้แชมพูสี, เม็ดสีสังเคราะห์อาจทำให้เกล็ดผมหลุดออกมากขึ้นแล้วเปลี่ยนสีใหม่เข้าไป แต่ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นคือการทำลายสุขภาพของเส้นผมและหนังศีรษะอย่างมาก ดังนั้น, ควรใช้ดีกับการใช้งานและควรดูแลเส้นผมหลังใช้แชมพูสีโดยใช้ครีมนวดหรือเซรั่มบำรุงเส้นผมแทน

2.สำหรับสาวที่มีผมแห้ง หลังทำสีผม ควรเลือกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มี CMADK หรือมีสารให้ความชุ่มชื้น

CMADK เป็นสารปรับปรุงเสริมเงาเหลืองของผลิตภัณฑ์มิลบอน Milbon ซึ่งเป็นเครื่องสำอางที่มาจากประเทศญี่ปุ่น มีการรีวิวอย่างแพร่หลายจากนักบำบัดผมชื่อดังในโลกออนไลน์ CMADK มีคุณสมบัติที่คล้ายกับเคราติน แต่สามารถทำงานได้ลึกถึงระดับโมเลกุลของเส้นผม เสริมและช่วยซ่อมแซมโครงสร้างโปรตีนที่เสียหาย ทำให้เส้นผมกลับมามีชีวิตชีวาและมีน้ำหนักมากขึ้น

ในทำเครื่องสำอาง การเติมความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมด้วยการเลือกใช้แชมพูที่มีส่วนประกอบเช่นไฮยาลูรอน หรือเคราติน เป็นวิธีที่ดี เพราะมีราคาไม่แพงมากและสามารถหาได้ง่ายในตลาดทั่วไป และให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อเส้นผมแห้งและเสียหาย นอกจากนี้การใช้แชมพูร่วมกับครีมนวดผมหรือทรีตเมนต์ผมหลังจากการสระผม ยังช่วยในการบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดีอีกด้วย

3.เลือกใช้แชมพูที่ได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัยหรือได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญ

การทำแชมพูที่มีคุณภาพต้องเริ่มต้นจากส่วนผสมที่มีคุณภาพดีเช่นกัน เป็นที่รู้จักในวงการว่า สารกลุ่มซิลิโคนมีบทบาทสำคัญในการปกป้องและบำรุงเส้นผม ซึ่งส่วนผสมนี้ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายในแชมพูสำหรับผมทำสี เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการปิดเกล็ดผมและช่วยบำรุงผมให้ไม่แห้ง ไม่ชี้ฟู สำหรับผู้ที่ทำสีผมหรือใช้สารเคมีบ่อยครั้ง การใช้แชมพูที่มีซิลิโคนคุณภาพดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

แม้ว่าซิลิโคนจะมีผลประโยชน์มากมาย แต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต้องพิจารณาอย่างละเอียด เนื่องจากมีแชมพูหลากหลายประเภทที่มีซิลิโคนคุณภาพต่างกันออกไป ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนคุณภาพไม่ดีอาจทำให้ซิลิโคนตกค้างที่หนังศีรษะและเส้นผม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นการร่วงของเส้นผมและผมลีบแบนได้ ดังนั้นการเลือกใช้แชมพูที่ได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัยหรือได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสำคัญ เพื่อให้การดูแลผมของคุณเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด

4.เลือกแชมพูที่มีสารป้องกันความร้อน

ความร้อนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเส้นผมอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในชีวิตประจำวัน การไดร์ผม การใช้เครื่องร้อน และแสงแดดกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น คุณควรพิจารณาเลือกใช้แชมพูที่มีการระบุว่าเป็น Heat Protection เพื่อช่วยปกป้องผมจากความร้อนอย่างเหมาะสม การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจไม่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการใช้เซรั่มบำรุงผมที่ไม่ต้องล้างออก แต่การใช้แชมพู Heat Protection จะเสริมสร้างความป้องกันเสริมอีกชั้นหนึ่งที่ช่วยปกป้องผมจากความเสียหายจากความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพความร้อนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเส้นผมอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในชีวิตประจำวัน การไดร์ผม การใช้เครื่องร้อน และแสงแดดกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น คุณควรพิจารณาเลือกใช้แชมพูที่มีการระบุว่าเป็น Heat Protection เพื่อช่วยปกป้องผมจากความร้อนอย่างเหมาะสม การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจไม่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการใช้เซรั่มบำรุงผมที่ไม่ต้องล้างออก แต่การใช้แชมพู Heat Protection จะเสริมสร้างความป้องกันเสริมอีกชั้นหนึ่งที่ช่วยปกป้องผมจากความเสียหายจากความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ