เลือกยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ให้เหมาะสม ควรเลือกอย่างไร

ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ มีประโยชน์อย่างไร เลือกอย่างไรให้เหมาะสม

ฟลูออไรด์เป็นสารที่พบได้ทั่วไปในธรรมชาติและมีส่วนประกอบของยาสีฟัน มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน โดยช่วยชะลอการย่อยสลายของแร่ธาตุบนผิวเคลือบฟัน และเสริมกระบวนการคืนกลับของแร่ธาตุ ทำให้ฟันแข็งแรงและทนทานต่อกรดจากแบคทีเรียในช่องปาก จึงช่วยป้องกันฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ส่วนใหญ่จะมีระดับความเข้มข้นของฟลูออไรด์อยู่ที่ 1,000-1,500 ppm ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม เด็กเล็กควรใช้ยาสีฟันที่มีระดับความเข้มข้นของฟลูออไรด์ต่ำลง อยู่ที่ 500-700 ppm เพราะเด็กเล็กมีความเสี่ยงที่จะกลืนยาสีฟันเข้าไปมากกว่าผู้ใหญ่

เลือกยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ยังไงให้เหมาะสมกับวัยและความต้องการ

การดูแลฟันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อเลือกใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์อย่างถูกต้อง มันกลับเป็นเรื่องง่ายที่สุด! ทุกคนต่างต้องการปริมาณฟลูออไรด์ที่เหมาะกับอายุและความต้องการของฟันเอง เพราะความเข้มข้นของฟลูออไรด์มีบทบาทสำคัญในการป้องกันฟันผุ

1.ตรวจสอบจากปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟัน

การตรวจสอบปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่น่าพิจารณา จากคำแนะนำของทันตแพทย์ หลายๆ คนอาจสงสัยว่าทำไมต้องสนใจปริมาณฟลูออไรด์? นั่นก็เพราะฟลูออไรด์มีบทบาทสำคัญในการป้องกันฟันผุ

ปริมาณฟลูออไรด์ที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยมีดังนี้

  • ด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี : ควรใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ความเข้มข้น 1,000 ppm โดยใช้ปริมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว
  • เด็กอายุ 3-6 ปี : ควรใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ความเข้มข้น 1,000 ppm โดยใช้ปริมาณเท่าด้านกว้างของแปรงสีฟัน
  • เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป : ควรใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ความเข้มข้น 1,500 ppm โดยใช้ปริมาณเท่าหน้าตัดของแปรงสีฟันในแนวยาว

หากเด็กมีความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุสูง ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ความเข้มข้นสูงกว่า 1,500 ppm อย่างไรก็ตาม เด็กในวัยนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะกลืนยาสีฟันเข้าไปได้ จึงควรแปรงฟันให้เด็กภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่

2.เลือกยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยป้องกันปัญหาช่องปากด้านอื่นๆด้วย

        มีหลายยี่ห้อที่มีสารเสริมที่ไม่ได้มีแต่ฟลูออไรด์ ทำให้การดูแลฟันไม่จำเจ ไม่เพียงแค่ป้องกันฟันผุ แต่ยังช่วยลดปัญหาเรื่องการเสียวฟันด้วยสาร Strontium Chloride และ Potassium Nitrate หรือถ้าคุณอยากได้ฟันขาวสวย ก็สามารถเลือกยาสีฟันที่มี Hydrogen Peroxide และ Carbamide Peroxide ซึ่งจะช่วยในการฟอกสีฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีสารผสมอื่น ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาทางด้านฟันได้มากมาย ทำให้คุณสามารถเลือกใช้ตามความต้องการและปัญหาเฉพาะของคุณได้เลย

3.ยาสีฟันที่ปราศจากน้ำตาลและสาร SLS ดีต่อสุขภาพฟันมากกว่า

       น้ำตาลและสาร SLS เป็นส่วนผสมที่พบได้บ่อยในยาสีฟัน แต่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพฟันในระยะยาวได้ น้ำตาล เป็นสารอาหารของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้จะสร้างกรดจากการย่อยสลายน้ำตาล กรดที่สร้างขึ้นนี้สามารถกัดกร่อนเคลือบฟันจนทำให้ฟันผุได้

       สาร SLS หรือ Sodium Lauryl Sulfate เป็นสารเพิ่มฟองในยาสีฟัน สารนี้อาจก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อช่องปากได้ง่าย ส่งผลให้เกิดการแพ้ยาสีฟันได้ และหากเผลอกลืนกินลงไปก็จะเป็นอันตรายต่อกระเพาะอาหารด้วย

       ยาสีฟันที่ไม่มีน้ำตาลจะใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากสมุนไพรหรือผลไม้ มาเป็นตัวชูรสและกลิ่นแทน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ ยาสีฟันที่ไม่มีสาร SLS จะใช้สารเพิ่มฟองชนิดอื่นแทน เช่น สาร Lauryl Glucoside หรือสาร Decyl Glucoside ซึ่งมีความอ่อนโยนต่อช่องปากมากกว่า

   การเลือกยาสีฟันที่ปราศจากน้ำตาลและสาร SLS จะช่วยให้การดูแลสุขภาพฟันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากต่างๆ เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ และกลิ่นปากได้