เลือกทานอาหารที่ดีกับ 12 วิธีลดโซเดียมและบวมในร่างกาย 

เลือกทานอาหารที่ดีกับ 12 วิธีลดโซเดียมและบวมในร่างกาย

ภาวะบวมน้ำเป็นอาการที่พบได้บ่อยและมีสาเหตุหลายประการ แต่ในบางครั้งมีปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่เราพบเจอบ่อย คือการบวมน้ำที่เกิดขึ้นจากการบริโภคโซเดียมในปริมาณมากเกินไป โซเดียมมีบทบาทสำคัญในประสาทของร่างกายและควบคุมการรักษาน้ำในเซลล์ อย่างไรก็ตาม การบริโภคโซเดียมมากเกินไปอาจส่งผลให้ร่างกายคั่งของเกลือและน้ำ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่สำคัญของการเกิดภาวะบวมน้ำนั้นเอง

นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องโซเดียมไม่เพียงแค่ทำให้ร่างกายบวม แต่ยังเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดโรคเรื้อรัง อาทิเช่นโรคไตและเป็นสาเหตุที่เสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูงได้ด้วย ดังนั้นการควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจ

เพื่อลดอาการบวมน้ำและรักษาสุขภาพของร่างกาย เราสามารถนำเสนออาหารบางประการที่ช่วยลดปริมาณโซเดียมในร่างกาย นอกจากการลดปริมาณโซเดียมในอาหาร ยังสามารถส่งผลดีต่อการขับเอาโซเดียมที่เกินออกจากร่างกายผ่านทางเหงื่อ ปัสสาวะ และอุจจาระ

ดังนั้น การเลือกบริโภคอาหารที่มีปริมาณโซเดียมต่ำสามารถช่วยลดอาการบวมน้ำได้ และเป็นการป้องกันการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง พร้อมทั้งลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังอื่น ๆ ที่เกิดจากการบริโภคโซเดียมมากเกินไป

 

เมื่อเราบริโภคอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูป หรือฟาสต์ฟู้ด เป็นที่จะพบว่าในเช้าวันถัดมา เราอาจพบว่าหน้าบวม ตัวบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากการคั่งของน้ำและเกลือในร่างกายที่เกิดขึ้นในระบบทางเลือกน้ำเหลืองของเรา

อย่างไรก็ตาม เราสามารถลดอาการบวมน้ำได้โดยการปรับเปลี่ยนเมนูอาหารของเรา นี่คืออาหารบางประการที่ช่วยลดปริมาณโซเดียมในร่างกาย:

  1. ผักสดและผลไม้: ผักสดและผลไม้มีปริมาณโซเดียมต่ำ และรวมถึงความพร้อมของพวกน้ำและใยอาหารที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการขับถ่ายออกจากร่างกาย.
  2. ไข่: ไข่เป็นต้นอาหารที่ต่ำในโซเดียม และมีประโยชน์มากมายสำหรับร่างกาย.
  3. ปลาและอาหารทะเล: ปลาและอาหารทะเลมีปริมาณโซเดียมต่ำ และรวมถึงกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ.
  4. เมล็ดพืชและเป็นธัญพืช: เมล็ดพืชเช่นเมล็ดมะขามเทศ และธัญพืชเช่นเป็นต้นอาหารที่มีปริมาณโซเดียมต่ำ และช่วยในกระบวนการลดน้ำหนัก.
  5. นมและผลิตภัณฑ์นม: นมเป็นที่มีปริมาณโซเดียมต่ำ และยังเสริมความแข็งแรงของกระดูก.

การเลือกรับประทานอาหารที่มีปริมาณโซเดียมต่ำจะช่วยลดอาการบวมน้ำที่เกิดขึ้นจากการคั่งของเกลือและน้ำในร่างกาย และเป็นการรักษาสุขภาพโดยรวมของเราให้ดีขึ้น ได้แก่.

1. แตงกวา

ใช่ครับ แตงกวาเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ เนื่องจากมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งช่วยในการบำรุงร่างกายและลดการคั่งของเกลือในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสารโพลีฟีนอลที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการขับถ่ายน้ำเสียออกจากร่างกาย ทำให้มีผลต่อการลดอาการบวมน้ำได้

น้ำในแตงกวามีปริมาณมากและช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นของผิวพรรณ ทำให้ผิวดูสดใสและช่วยลดอาการอักเสบ นอกจากนี้ แตงกวายังมีสารอาหารที่สำคัญ เช่น วิตามิน A และ C ที่มีผลต่อการป้องกันร่างกายจากอนุมูลอิสระ และสารต้านอนุมูลอิสระ

นอกจากนี้ ในแตงกวายังมีใยอาหารที่ช่วยในกระบวนการขับถ่าย ลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือด ทำให้เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและรักษาสุขภาพหัวใจ

ดังนั้น การบริโภคแตงกวาอย่างเป็นประจำจะช่วยส่งเสริมสุขภาพทั้งร่างกายและผิวพรรณให้ดีขึ้นได้ครับ

 

2. แตงโม

แตงโมเป็นผลไม้ที่เป็นที่นิยมและมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ นำมาพูดถึงประโยชน์ของแตงโมที่เกี่ยวกับน้ำและสารอาหารได้ดังนี้:

  1. มีน้ำเป็นส่วนใหญ่: แตงโมมีปริมาณน้ำสูงมาก ซึ่งช่วยในการบำรุงร่างกายและบำรุงผิวพรรณ น้ำจากแตงโมยังช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นของผิวและลดอาการอักเสบของผิวพรรณ
  2. มีไฟเบอร์: ไฟเบอร์ในแตงโมช่วยกระตุ้นกระบวนการขับถ่าย ลดความดันโลหิต และช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
  3. มีสารต้านอนุมูลอิสระ: แตงโมมีวิตามิน C และเอ ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์และรักษาสุขภาพให้ดี
  4. ช่วยขับน้ำส่วนเกิน: น้ำแตงโมมีความละลายสูง ทำให้เป็นอย่างดีในการช่วยขับน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย ลดความบวมน้ำ
  5. ปรับสมดุลแร่ธาตุ: แตงโมมีแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น โพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่ช่วยในการปรับสมดุลแร่ธาตุในร่างกาย

การบริโภคแตงโมเป็นทางเลือกที่ดีในการบำรุงร่างกาย ลดความต้องการสารตกค้างและสารเคมี พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมสุขภาพทั้งร่างกายและผิวพรรณของเราครับ

 

3. ขึ้นฉ่าย

ผักกลิ่นฉุนอย่างขึ้นฉ่าย (Dill) เป็นอาหารที่มีคุณสมบัติทางการแพทย์ที่น่าสนใจมากมาย นอกจากที่คุณได้กล่าวถึงแล้ว ยังมีสารอาหารและสารต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมายด้วย:

  1. ขับปัสสาวะ: ขึ้นฉ่ายมีฤทธิ์กระตุ้นการขับปัสสาวะ ช่วยในกระบวนการกำจัดน้ำหนักเกินและสารตะกูลของร่างกาย
  2. ขับน้ำส่วนเกินในร่างกาย: การกระตุ้นการขับปัสสาวะเชื่อมโยงกับการขับน้ำส่วนเกินในร่างกาย ทำให้มีผลต่อการลดอาการบวมน้ำ
  3. ลดบวม: ฤทธิ์ขับปัสสาวะช่วยลดการคั่งของน้ำและเกลือในร่างกาย ทำให้เกิดอาการบวมน้ำลดลง
  4. ขับโซเดียมในร่างกาย: การขับปัสสาวะด้วยฤทธิ์ของขึ้นฉ่ายช่วยลดปริมาณโซเดียมในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการควบคุมความดันโลหิต
  5. ลดความดันโลหิต: บางความวิจารณ์ว่าขึ้นฉ่ายยังมีสารสกัดที่ช่วยลดความดันโลหิต ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีในการรักษาและควบคุมความดันโลหิต

ดังนั้น การเพิ่มผักกลิ่นฉุนอย่างขึ้นฉ่ายในเมนูอาหารของเราไม่เพียงทำให้รับประทานอาหารที่อร่อย แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพได้มากมายครับ

 

4. ฟักเขียว

ฟักเขียวเป็นผักที่มีรสเย็นและฉ่ำน้ำมาก นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางการแพทย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้ดังนี้:

  1. ฤทธิ์ขับปัสสาวะ: ฟักเขียวมีฤทธิ์กระตุ้นการขับปัสสาวะ ช่วยล้างสารตะกูลและน้ำเสียออกจากร่างกาย
  2. แก้กระหาย: การบริโภคฟักเขียวสามารถช่วยในการแก้กระหายหรือท้องเสียได้ เนื่องจากมีสารประทับใจทางเดินอาหาร
  3. ขับน้ำส่วนเกิน: ฤทธิ์ขับปัสสาวะของฟักเขียวยังช่วยลดการคั่งของน้ำและเกลือในร่างกาย ทำให้เกิดอาการบวมน้ำลดลง
  4. ลดความร้อนในร่างกาย: ฟักเขียวมีรสเย็นและเป็นผักที่หลายคนนิยมใช้ในฤดูร้อน เป็นทางเลือกที่ดีในการลดความร้อนในร่างกาย
  5. ปรับสมดุลน้ำและเกลือ: การบริโภคฟักเขียวช่วยในกระบวนการปรับสมดุลน้ำและเกลือในร่างกาย ลดความดันโลหิตและลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง

การเพิ่มฟักเขียวเข้าสู่เมนูอาหารหรือต้มน้ำให้ดื่มเป็นน้ำลมได้เป็นวิธีที่ดีในการรับประโยชน์จากสรรพคุณทางการแพทย์ของผักนี้ครับ

 

5. หน่อไม้ฝรั่ง

green asparagus on the wooden table, fresh asparagus

หน่อไม้ฝรั่งเป็นที่รู้จักเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและมีสรรพคุณทางการแพทย์บางประการด้วย ฤทธิ์ขับปัสสาวะของหน่อไม้ฝรั่งมาจากสารกรดอะมิโนแอสพาราจีน (Asparagine) ที่มีอยู่ในจำนวนมากในหน่อไม้ฝรั่ง ซึ่งมีผลในการกระตุ้นกระบวนการขับปัสสาวะ ลดการคั่งของน้ำและเกลือในร่างกาย ทำให้มีประโยชน์ในการลดอาการบวมน้ำ

นอกจากนี้ หน่อไม้ฝรั่งยังมีสรรพคุณที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น:

  1. ลดน้ำหนัก: การกระตุ้นการขับปัสสาวะช่วยลดน้ำหนักในร่างกาย
  2. กระตุ้นกระบวนการขับถ่าย: ใยอาหารที่มีอยู่ในหน่อไม้ฝรั่งช่วยกระตุ้นกระบวนการขับถ่าย ลดความดันในลำไส้
  3. ลดโซเดียม: กรดอะมิโนแอสพาราจีนที่มีอยู่ในหน่อไม้ฝรั่งช่วยในการขับโซเดียมออกจากร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิต
  4. มีวิตามินและแร่ธาตุ: หน่อไม้ฝรั่งมีวิตามินและแร่ธาตุที่สามารถบำรุงร่างกายได้

ดังนั้น การเพิ่มหน่อไม้ฝรั่งในเมนูอาหารของคุณอาจเป็นทางเลือกที่ดีในการรักษาสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ครับ

 

6. กล้วย

Slices banana on a cutting board.Chopped fresh banana get vitamin.close up yellow tropical fruit.

กล้วยเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ทั้งน้ำตาลธรรมชาติที่ให้พลังงาน ไฟเบอร์ที่สามารถส่งเสริมกระบวนการขับถ่าย และโพแทสเซียมที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดความดันโลหิต ปรับสมดุลน้ำของเหลวในร่างกาย และลดอาการบวมน้ำได้ด้วย

ด้านโพแทสเซียม (potassium) กล้วยเป็นต้นไม้ที่มีปริมาณโพแทสเซียมสูง โพแทสเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการตั้งค่าการไหลของน้ำและเลือดในร่างกาย การบริโภคกล้วยสามารถช่วยลดการดูดซึมน้ำในหลอดเลือดและลดปริมาณน้ำในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการควบคุมความดันโลหิต

นอกจากนี้ กล้วยยังมีส่วนผสมของไฟเบอร์ที่สามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการขับถ่ายและลดอาการท้องผูกได้ด้วยครับ

 

7. ส้ม

ส้มเป็นผลไม้ที่น่าสนใจเพราะมีหลายประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากที่คุณกล่าวถึงแล้ว (วิตามิน C และโพแทสเซียม) ส้มยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่สำคัญต่อการรักษาสุขภาพ:

  1. วิตามิน C: ส้มเป็นแหล่งวิตามิน C ที่สำคัญ ซึ่งมีบทบาทในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน, สร้างคอลลาเจน, และมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ.
  2. ไฟเบอร์: ส้มมีไฟเบอร์ที่ช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร, ลดความดันโลหิต, และช่วยควบคุมน้ำหนัก.
  3. คาร์โบไฮเดรต: ส้มมีคาร์โบไฮเดรตที่ช่วยให้ได้พลังงาน.
  4. โพแทสเซียม: โพแทสเซียมที่มีในส้มมีบทบาทในการควบคุมความดันโลหิตและควบคุมความสมดุลของเหลวในร่างกาย.
  5. กลูกอม: ส้มมีกลูกอมที่ช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร.
  6. ฟอลิคและเลคติน: ส้มมีสารอาหารเหล่านี้ที่มีประโยชน์ต่อสายตาและผิวพรรณ.

การบริโภคส้มเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มปริมาณวิตามิน C และโพแทสเซียมในร่างกาย, รวมถึงการรับประโยชน์จากคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ผลไม้นี้มีให้ครับ

 

8. กีวี

กีวี (Kiwi) เป็นผลไม้ที่น่าสนใจมีคุณค่าทางอาหารสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน นอกจากมีวิตามิน C ที่มีหลายประโยชน์, กีวียังมีสารอาหารและสารต่าง ๆ ที่มีผลดีต่อร่างกาย:

  1. เอนไซม์: กีวีมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารในกระบวนการทางเดินอาหาร ซึ่งสามารถช่วยลดอาการท้องอืดได้.
  2. โพแทสเซียม: โพแทสเซียมที่มีในกีวีมีบทบาทในการควบคุมปริมาณของเหลวในร่างกาย ลดการคั่งของน้ำและเกลือในร่างกาย, ช่วยลดความดันโลหิต, และลดอาการบวมน้ำ.
  3. วิตามิน C: กีวีเป็นแหล่งวิตามิน C ที่มีประโยชน์ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน, สนับสนุนการย่อยอาหาร, และมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ.
  4. ไฟเบอร์: กีวีมีไฟเบอร์ที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการขับถ่าย, ลดความดันโลหิต, และช่วยควบคุมน้ำหนัก.
  5. แร่ธาตุ: กีวียังมีแร่ธาตุต่าง ๆ ที่สำคัญต่อร่างกายเช่น แคลเซียม, ฟอสฟอรัส, แมกนีเซียม, และไอโอดีน.

การบริโภคกีวีเป็นวิธีที่ดีในการรับประโยชน์จากสารอาหารและสารต่าง ๆ ที่มีอยู่ในผลไม้นี้เพื่อสุขภาพที่ดีครับ

 

9. สับปะรด

Cutting board and pineapples on grey background, close up

สับปะรดเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณทางสุขภาพมากมาย ซึ่งรวมถึงสารอาหารและสารต่าง ๆ ที่สามารถช่วยลดอาการท้องอืด, อาการบวมน้ำ, และมีผลดีต่อระบบทางเดินอาหารได้ดังนี้:

  1. เอนไซม์ไบร์โอมีลาส (Bromelain): สับปะรดมีโปรตีนย่อยอาหาร Bromelain ที่ช่วยย่อยโปรตีนได้ดี มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส, ช่วยลดอาการอักเสบ, และส่งเสริมการหายเร็วของแผล.
  2. ฤทธิ์ขับปัสสาวะ: สับปะรดมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ, ช่วยในกระบวนการลดน้ำและเกลือในร่างกาย.
  3. ลดแก๊ส: Bromelain ยังช่วยลดแก๊สในกระเพาะอาหาร.
  4. ลดอาการท้องอืด, ท้องเฟ้อ, และอาการบวมน้ำ: สับปะรดมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านอักเสบที่ช่วยลดอาการท้องอืด, ท้องเฟ้อ, และอาการบวมน้ำ.
  5. เสริมภูมิคุ้มกัน: สับปะรดมีวิตามิน C และสารอาหารที่สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน.

การบริโภคสับปะรดในปริมาณที่เหมาะสมสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาอาการท้องอืด, อาการบวมน้ำ, และส่งเสริมการหายเร็วของแผลได้ครับ. อย่างไรก็ตาม, การปรับเปลี่ยนการรักษาหรือการใช้วิธีการรักษาทางการแพทย์ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ

 

10. มะละกอ

มะละกอเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติทางสุขภาพมากมาย ซึ่งสามารถช่วยในการปรับสมดุลระบบทางเดินอาหารได้ดี นอกจากนี้, มะละกอยังมีเอนไซม์, ไฟเบอร์, และสารอาหารอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร:

  1. เอนไซม์: มะละกอมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีน และไขมัน, ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร.
  2. ไฟเบอร์: มะละกอมีไฟเบอร์ที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการขับถ่าย, ลดอาการท้องอืด, และลดแก๊สในกระเพาะอาหาร.
  3. วิตามิน C: มะละกอมีวิตามิน C ที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยลดอาการอักเสบ.
  4. สารต้านอนุมูลอิสระ: มะละกอมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ.

การบริโภคมะละกอเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มสารอาหารที่สำคัญในอาหารของคุณ และมีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร อย่างไรก็ตาม, ควรระมัดระวังในการบริโภคในกรณีที่มีปัญหาทางการแพทย์หรืออาการไม่ปกติทางเดินอาหารครับ

 

11. โยเกิร์ต

โยเกิร์ตมีคุณสมบัติทางสุขภาพที่ช่วยในการบรรเทาอาการบวมที่เกิดจากระบบย่อยอาหารที่ไม่ดี โดยเฉพาะเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับกรดเกินและแก๊สเกิน โยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ดีที่ช่วยย่อยอาหาร, และโพรไบโอติกส์ที่สามารถช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหารและระบบลำไส้ได้ดีขึ้น.

นอกจากนี้, การเลือกโยเกิร์ตที่มีรสธรรมชาติ, ไขมันต่ำ, และน้ำตาลน้อยเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการเพิ่มปริมาณน้ำตาลที่เพิ่มความหวาน หรือสารเจือปนที่อาจทำให้อาการบวมมีการแย่งชิ้นส่วนร่วม.

นอกจากโยเกิร์ต, คุณยังสามารถรับประโยชน์จากอาหารที่มีจำนวนไฟเบอร์เพียงพอ เช่น ผักผลไม้, ธัญพืช, และธัญญาหารที่มีโปรไบโอติกส์ เพื่อสนับสนุนระบบย่อยอาหารและลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น.

แต่ในทุกกรณี, หากคุณมีอาการบวมหรือปัญหาทางย่อยอาหารที่มีความเป็นกังวล, ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมครับ

 

12. น้ำเปล่า

น้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกายและมีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพ. การดื่มน้ำมีผลต่อระบบการทำงานของร่างกายมากมาย, ไม่เพียงแค่ช่วยขับปัสสาวะและการขับถ่าย.

น้ำมีบทบาทสำคัญในหลายด้าน:

  1. การขับถ่าย: การดื่มน้ำมีประสิทธิภาพในการช่วยให้กระบวนการขับถ่ายเป็นไปได้ดีขึ้น.
  2. การขับปัสสาวะ: การดื่มน้ำช่วยในการขับปัสสาวะ, ซึ่งช่วยลดการคั่งของน้ำและเกลือในร่างกาย.
  3. รักษาสมดุลของระบบน้ำแร่: การดื่มน้ำช่วยในการรักษาสมดุลของแร่ธาตุในร่างกาย.
  4. ลดความร้อน: น้ำช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายและลดความร้อน.
  5. ช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร: น้ำเป็นส่วนสำคัญของการย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหาร.

การดื่มน้ำเพียงพอเป็นการดูแลสุขภาพที่สำคัญ, และขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล. อย่างไรก็ตาม, คำแนะนำทั่วไปคือการดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน, หรือประมาณ 2 ลิตร. การดื่มน้ำเป็นส่วนสำคัญของการรักษาสุขภาพทั่วไปและลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ