อาหารสุนัขสูตรปลา ที่มีโปรตีนสูงช่วยให้ย่อยง่าย

อาหารสุนัขสูตรปลา ที่มีโปรตีนสูงช่วยให้ย่อยง่าย

เมื่อคุณมองหาอาหารสำหรับสุนัขที่เป็นไปได้ที่สุดสำหรับคุณอาจพบว่า อาหารสุนัขสูตรปลาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเพื่อนโปรดของคุณ ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของพวกเขา แต่ยังเหมาะสำหรับสุนัขที่มีภูมิคุ้มกันต่ำต่อวัตถุดิบที่พบในอาหารสัตว์อื่น ๆ อาทิเช่น เนื้อวัว หมู หรือไก่

การเลือกซื้ออาหารสุนัขสูตรปลาไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณต้องมั่นใจว่าคุณเลือกสูตรที่เหมาะสมสำหรับอายุและขนาดของสุนัขของคุณ รวมทั้งควรพิจารณาถึงความต้องการพิเศษเช่น สุขภาพที่แตกต่างกัน อาทิเช่น สุนัขที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อย หรือสุนัขที่มีแพ้ภูมิอาหาร

คุณยังสามารถรับคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้เลือกสูตรที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสุนัขของคุณ ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่มีอยู่ เจ้าของธุรกิจสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะกับสุนัขของคุณอย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุด

คุณสมบัติพิเศษของอาหารสุนัขสูตรปลาที่ต่างจากสูตรเนื้อสัตว์

อาหารสำหรับสุนัขทั่วไปมักใช้วัตถุดิบที่ได้มาจากสัตว์ปีกป่นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นผลผลิตรองจากกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ปีกต่าง ๆ เช่น เนื้อโครงไก่ หรือเครื่องในสัตว์ปีก เป็นต้น วัตถุดิบเหล่านี้มักจะมีโปรตีนไม่เพียงพอต่อความต้องการโภชนาการของสุนัข และมีแนวโน้มที่จะทำให้สุนัขแพ้โปรตีนจากไก่อีกด้วย ดังนั้น การใช้อาหารสุนัขสูตรปลาจึงเป็นทางเลือกที่ดี

จุดเด่นของอาหารสุนัขสูตรปลาคือ เนื้อปลามีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย รวมถึงมีสารอาหารสำคัญอย่างกรดไขมันโอเมก้าในปริมาณสูง ปลาที่นิยมใช้มักเป็นปลาแซลมอนและปลาโอ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีและมีกรดไขมันโอเมก้าสูง ช่วยในการบำรุงผิวหนังและเส้นขนของสุนัขอย่างมีประสิทธิภาพ

อาหารสุนัขสูตรปลาสามารถให้ทานได้กับสุนัขทุกวัยและทุกสายพันธุ์ แม้ว่าราคาของสูตรปลาจะสูงกว่าสูตรที่ใช้เนื้อสัตว์อื่น ๆ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้อไก่ แต่กลุ่มสุนัขที่มีภาวะแพ้อาหาร เช่น กลุ่มที่แพ้โปรตีนจากไก่ หรือแพ้ธัญพืชมากกว่า ยังคงเลือกทานอาหารสูตรปลาเป็นทางเลือกแห่งการดูแลสุขภาพของสุนัขได้อย่างเหมาะสม

วิธีการเลือกอาหารสุนัขที่มีส่วนผสมปลา

เนื่องจากทางเลือกในการซื้ออาหารสุนัขสูตรปลาไม่มากเท่ากับสูตรอื่น ๆ และราคาก็มักจะสูงกว่าเล็กน้อย ดังนั้น สำหรับเจ้าของสุนัขที่สนใจเลือกใช้อาหารสูตรปลา ควรพิจารณาล่วงหน้าว่าควรเลือกสูตรใดที่เหมาะสมกับสุนัขของคุณ ด้านล่างนี้คือคำแนะนำเบื้องต้นที่สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น

1.เริ่มต้นด้วยการพิจารณาช่วงวัยของสุนัขให้เป็นสำคัญเสมอ

ถึงแม้ว่าอาหารสุนัขสูตรปลาจะมีโปรตีนที่มีคุณภาพและย่อยง่าย แต่หากสารอาหารหลักในสูตรไม่เพียงพอสำหรับช่วงวัยของสุนัข อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการเจริญเติบโตหรือสุขภาพได้ ดังนั้น เพื่อความง่ายดายในการเลือก ต่อไปนี้เป็นวิธีที่คุณสามารถใช้ได้

  • เมื่อเลี้ยงลูกสุนัข ควรเลือกให้อาหารที่มีส่วนผสมโปรตีนสูงอย่าง 28 – 30% และไขมันสูงอย่าง 12 – 18%

ในช่วงเวลาที่ลูกสุนัขกำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การให้สารอาหารที่เหมาะสมมีความสำคัญมาก เพื่อให้พัฒนาร่างกายและระบบต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ โปรตีนมีบทบาทสำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อ พัฒนาระบบอวัยวะ และเสริมภูมิคุ้มกัน ในขณะเดียวกัน ไขมันเป็นแหล่งพลังงานสำคัญสำหรับกิจกรรมของลูกสุนัข การเลือกอาหารที่มีส่วนประกอบโปรตีนประมาณ 28 – 30% และไขมันประมาณ 12 – 18% เป็นเรื่องสำคัญที่จะสนับสนุนการเจริญเติบโตที่เหมาะสม

การควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรตก็เป็นสิ่งสำคัญ เราควรเน้นโปรตีนเป็นหลักแล้วค่อยเพิ่มคาร์โบไฮเดรตเพื่อให้ได้พลังงานที่เหมาะสม นอกจากนี้ การให้สารอาหารรองเป็นสิ่งสำคัญอีกด้วย เพื่อพัฒนาระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะการเสริมสร้างกระดูก ฟัน และโครงสร้างอื่น ๆ โดยในอาหารนั้นควรมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินดี วิตามินอี วิตามินซี และเบต้า-กลูแคนเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของลูกสุนัขในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ ดังนั้น การเลือกอาหารที่มีสารอาหารเหล่านี้ครบถ้วนอย่างมากที่สุดจะเป็นการให้พร้อมพรั่งที่สุดแก่ลูกสุนัขของคุณ

  • สำหรับสุนัขที่เติบโตอย่างเต็มที่ ควรเลือกอาหารที่มีส่วนผสมโปรตีนระดับปานกลางประมาณ 20 – 26% และส่วนผสมไขมันที่ต่ำลงที่ 10 – 12%

สำหรับสุนัขในกลุ่มวัยผู้ใหญ่ (10 เดือนขึ้นไป), การเจริญเติบโตอาจไม่มีความสำคัญเท่ากับลูกสุนัข แต่การให้โปรตีนที่มีคุณภาพเพียงพอก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากโปรตีนเป็นสารอาหารหลักที่สำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อ เสริมแรงงานและฟื้นฟูระบบร่างกายของสุนัข รวมถึงการใช้ไขมันเพื่อเป็นแหล่งพลังงานและรักษาสมดุลของเซลล์ในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ควรเลือกอาหารที่มีสัดส่วนโปรตีนระดับปานกลางที่ 20 – 26% เพื่อสนับสนุนการสร้างกล้ามเนื้อและรักษาระบบในร่างกายให้แข็งแรง และมีสัดส่วนไขมันลดลงอยู่ที่ประมาณ 10 – 12% เพื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันของสุนัข

นอกจากนี้, ควรเสริมสารอาหารรองที่เหมาะสม เช่น ไบโอตินและซิงค์เพื่อบำรุงผิวหนังและเส้นขน ทอรีนที่ช่วยในการทำงานของหัวใจ และโคลีนที่ช่วยบำรุงสุขภาพสมอง นอกจากนี้, ควรพิจารณาปัญหาสุขภาพทั่วไปของสุนัข และเสริมวิตามินหรือแร่ธาตุตามความต้องการ เพื่อป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นได้

  • สำหรับสุนัขที่มีอายุเพียงวัยทองหรือสูงวัยแล้ว ควรเลือกอาหารที่มีระดับโปรตีนและไขมันที่ต่ำ โดยแนะนำให้เลือกโปรตีนในอาหารที่มีระดับประมาณ 19 – 23% และไขมันที่อยู่ในระดับ 10 – 12%

เมื่อสุนัขเข้าสู่วัยที่มากขึ้น พวกเขามักมีระดับกิจกรรมที่น้อยลง เหมือนกับคนที่มีอายุมากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องลดปริมาณพลังงานที่ได้รับจากอาหาร และการย่อยโปรตีนและการใช้ประโยชน์จากโปรตีนลดลงเช่นกัน

สำหรับสุนัขที่มีอายุมาก พวกเขายังคงต้องการโปรตีนเพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อและช่วยซ่อมแซมส่วนที่เสื่อมเสีย และต้องการไขมันเพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงในร่างกาย แต่สัดส่วนของโปรตีนควรลดลงเป็น 19 – 23% และสัดส่วนไขมันควรลดลงเป็น 10 – 12% เพื่อลดปริมาณพลังงานที่ได้รับ

นอกจากนี้ สุนัขที่มีอายุมากยังต้องการสารอาหารรองที่เหมาะสม เช่น วิตามินและแร่ธาตุ โดยเฉพาะการเสริมเป็นไบโอตินและซิงค์สำหรับผิวหนังและเส้นขน ทอรีนสำหรับหัวใจและโคลีนสำหรับสมอง อย่างไรก็ตาม หากสุนัขมีน้ำหนักเกินก็ควรเลือกสูตรที่มีแอลคาร์นิทีนเพื่อช่วยลดไขมันในร่างกายได้ดีขึ้น

2.หากเป็นไปได้ ควรเลือกอาหารที่เหมาะสมกับสายพันธุ์ของสุนัขโดยเฉพาะ เนื่องจากนั่นจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้สุนัขได้รับสารอาหารที่ต้องการอย่างเหมาะสมมากที่สุด

การเลือกอาหารให้ตรงตามขนาดสายพันธุ์สุนัขเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สุนัขมีสุขภาพดีตามมาตรฐานของแต่ละสายพันธุ์ สูตรอาหารสำหรับสุนัขแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกันทั้งในขนาดของเม็ดอาหารและสารอาหารที่ให้ความสำคัญ

สำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น ชิวาวา หรือ ปอมเป็นต้น มักมีเม็ดอาหารขนาดเล็กเหมาะสมกับขากรรไกรของพวกเขา ส่วนสุนัขพันธุ์กลาง เช่น ไซบีเรียนฮัสกี้ มักมีเม็ดอาหารขนาดปกติและสัดส่วนโปรตีนต่อหน่วยไม่ต่างจากสุนัขพันธุ์เล็กมากนัก ส่วนสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น ลาบราดอร์ มักมีเม็ดอาหารขนาดใหญ่กว่าและสัดส่วนโปรตีนต่อหน่วยมากกว่า

ในด้านโภชนาการ การเสริมสารอาหารที่สำคัญต่อสายพันธุ์นั้นมีความสำคัญ เช่น สุนัขพันธุ์เล็กมักจะมีส่วนผสมที่เน้นบำรุงข้อต่อเพื่อป้องกันโรคสะบ้าเคลื่อนหรือโรคข้อสะโพกเสื่อม ส่วนสุนัขพันธุ์กลางมักจะเน้นส่วนผสมบำรุงสายตาเพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตา นอกจากนี้ ยังมีสูตรเฉพาะสำหรับสายพันธุ์ให้เลือกอีกด้วย เช่น สุนัขปอมเมอเรเนียน หรือ สุนัขบีเกิ้ล เป็นต้น ซึ่งเป็นสูตรที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพของสุนัขในแต่ละสายพันธุ์ได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด

3.หากสุนัขมีปัญหาระบบย่อยอาหาร คุณควรเลือกอาหารที่มี โพรไบโอติกส์และ พรีไบโอติกส์เพิ่มเติม

สุนัขบางตัวมักมีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร ทำให้อาหารที่มีส่วนผสมของ ‘โพรไบโอติกส์’ และ ‘พรีไบโอติกส์’ เป็นที่นิยมมากขึ้น ส่วนประโยชน์ของ ‘โพรไบโอติกส์’ เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่ช่วยในการย่อยอาหารและป้องกันโรคในลำไส้ของสุนัข ส่วน ‘พรีไบโอติกส์’ ช่วยเพิ่มจำนวนเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันและช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุในร่างกายของสุนัขอีกด้วย ทำให้สุนัขมีสุขภาพดีมากขึ้นและลดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากการขับถ่ายได้ด้วย

4.สุนัขแพ้อาหารหรือเจ้าของมีงบสูง ควรเลือกใช้อาหาร Holistic หรือ Grain-free

บางส่วนของอาหารสุนัขอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการแพ้ เช่น สารกันบูด สีผสม หรือบางวัตถุดิบเช่น ธัญพืช บางบริษัทผลิตอาหารสุนัขระดับโฮลิสติก (Holistic) ได้เน้นใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับอาหารมนุษย์ โดยไม่มีการใช้สารสังเคราะห์หรือสารเติมแต่ง นอกจากนี้ ยังมีอาหารสูตรปราศจากธัญพืช (Grain-Free) ที่ไม่มีธัญพืชเป็นส่วนประกอบ ซึ่งเหมาะสำหรับสุนัขที่แพ้อาหารเมื่อต้องการลดความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ราคาของสองสูตรนี้มักจะสูงกว่าอาหารปกติประมาณ 20 – 30% แต่ผู้เลี้ยงสุนัขที่ใส่ใจสุขภาพของสัตว์เลี้ยงอาจพิจารณาเลือกใช้เนื่องจากมีผลดีต่อสุขภาพของสุนัขในระยะยาว

5.ถ้าสุนัขกินน้ำน้อยหรือไม่ค่อยอยากอาหาร ควรเลือกให้สุนัขกินอาหารแบบเปียก

สำหรับการเลือกอาหารสุนัขสูตรปลา จะมีทางเลือกให้เลือกอยู่ 2 แบบหลัก คือ อาหารเม็ดและอาหารเปียก ทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างกันทั้งในด้านคุณสมบัติและประโยชน์ต่อสุนัขเหมือนกัน ดังนี้

  • อาหารแบบเม็ด:

– เป็นที่นิยมในปัจจุบันเนื่องจากความสะดวกในการใช้งานและความหลากหลายในการเลือกสูตร

– มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและครบถ้วน

– ช่วยสุนัขขับถ่ายอุจจาระและป้องกันการสะสมของหินปูนได้

– อย่างไรก็ตาม มีความชื้นในอาหารต่ำกว่าอาหารเปียกและมีความน่าสนใจในการรับประทานน้อยกว่า

  • อาหารแบบเปียก:

– มีรูปแบบในกระป๋องหรือเพาะเซลล์ ทำให้มีความสะดวกต่อการใช้งานและรักษาความสดชื่นของอาหาร

– มีความชื้นสูงถึง 80% ทำให้เหมาะสำหรับสุนัขที่มีปัญหาในการเข้ารับประทานอาหารหรือกินน้ำน้อย

– อาหารมีความน่ากินและกลิ่นหอม ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารของสุนัข

– แต่มีปริมาณสารอาหารน้อยกว่าอาหารเม็ดในปริมาณเท่ากันและมีราคาสูงกว่า

อีกทั้ง การเก็บรักษาก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา โดยอาหารแบบเม็ดมักจะเก็บรักษาได้นานกว่าและไม่เสียคุณค่าโภชนาการตามอายุการเก็บรักษา ในขณะที่อาหารแบบเปียกมีอายุการเก็บรักษาที่สั้นกว่าและต้องใช้ให้หมดในระยะเวลาที่ระบุหลังจากเปิดใช้งาน เลือกสูตรอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพภูมิคุ้มกันของสุนัขของคุณอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีสุขภาพดีที่สุดที่เป็นไปได้