ครีมกันแดดเด็ก เลือกอย่างไรให้อ่อนโยน ปลอดภัย

ครีมกันแดดเด็ก ทาอย่างไรให้ได้ผลดี

          ผิวของเด็กเล็กมีความบอบบางกว่าผู้ใหญ่ถึง 5 เท่า จึงควรปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยครีมกันแดด เริ่มทาให้เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป เลือกครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 30 และ PA อย่างน้อย PA++ ทาให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำตัว เน้นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดด เช่น ใบหน้า ใบหู คอ หลังมือ หลังเท้า ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้นหากเด็กเล่นน้ำหรือเหงื่อออกมาก ดังนั้น ครีมกันแดดจึงช่วยปกป้องผิวของเด็กจากแสงแดด ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ยังช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังและป้องกันการชะลอวัยของผิว เพราะแสงยูวีสามารถทำลายคอลลาเจนในผิวหนังได้ การทาครีมกันแดดจะช่วยให้เด็กมีผิวที่แข็งแรงและสุขภาพดี

การใช้ครีมกันแดด กับเด็กควรเริ่มใช้ทาให้เด็กอายุกี่เดือน?

          ตามคำแนะนำของแพทย์ ครีมกันแดดควรเริ่มทาให้เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป เนื่องจากผิวของเด็กเล็กยังบอบบางกว่าผู้ใหญ่ถึง5เท่า อาจเกิดการแพ้ ระคายเคือง และมีการดูดซึมสารเคมีเข้าสู่ผิวได้ สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป สามารถเลือกทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 และค่า PA อย่างน้อย PA++ ทาให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำตัว เน้นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดด เช่น ใบหน้า ใบหู คอ หลังมือ หลังเท้า ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 20 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้น หากเด็กเล่นน้ำหรือเหงื่อออกมาก

1.ครีมกันแดดเด็กเล็ก อายุ 6 เดือน – 3 ปี

          เด็กเล็กอายุ 6 เดือน – 3 ปี ผิวยังบอบบาง แพ้ง่าย จึงควรเลือกครีมกันแดดสูตร Physical ปราศจากสารเคมีระคายเคือง มีค่า SPF 10 – 20 PA++ ขึ้นไป ทาให้ทั่วใบหน้าและลำตัว เน้นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดบ่อย ๆ เช่น ใบหน้า ใบหู คอ หลังมือ หลังเท้า ก่อนออกแดดอย่างน้อย 20 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้นหากเด็กเล่นน้ำหรือเหงื่อออกมาก โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • เลือกประเภทครีมกันแดดเด็กสูตร Physical เนื้อครีม เจล หรือแบบสเปรย์

เด็กเล็กที่อายุ 6 เดือน – 3 ปี ผิวจะบอบบาง แพ้ง่าย ควรเลือกใช้ครีมกันแดดแบบ Physical หรือบางยี่ห้ออาจเรียกว่า Mineral Sunscreen เพราะมีสารกันแดดจากแร่ธาตุ เช่น ไททาเนียมไดออกไซด์ และซิงค์ออกไซด์ ที่สามารถสะท้อนรังสี UV ออกไปได้ ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว

  • เลือกประเภทครีมกันแดดเด็ก ที่มี ค่า SPF 10-20 PA++

ผิวของเด็กเล็กบอบบางกว่าผู้ใหญ่ ระดับการป้องกันแสงแดดที่เพียงพอสำหรับเด็กเล็กอยู่ที่ SPF 10-20 PA++ ซึ่งสามารถป้องกันได้ทั้งแสง UVA และ UVB เพียงพอสำหรับใช้ป้องกันแสงแดดในห้องและกลางแจ้ง

2.ครีมกันแดดเด็กที่อายุ 3 ปีขึ้นไป

          สำหรับเด็กที่อายุ 3ปี ขึ้นไป ควรเลือกใช้ครีม สูตร Physical หรือ Chemical เป็นเนื้อครีม หรือ เนื้อเจล ได้ แต่ควรเน้นที่มีระดับการป้องกันแดงแดด SPF 30 PA+++ จะดีต่อผิวเด็ก เพื่อป้องกันการระคายเคียงผิว ครีมกันแดดที่มีเป็นสูตร Chemical มีสารสำคัญที่สามารถดูดซึมลงในชั้นผิวและดูดซับแสงได้ดี Chemical มีส่วนประกอบที่ช่วยดูดซับแสงแดด ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองง่ายของเด็กเล็ก เช่น PABA, Salicylate, Octocrylene, Oxybenzone

3.เลือกครีมกันแดดเด็กสูตรกันน้ำ กันเหงื่อ เพื่อตอบโจทย์กับกิจกรรมทางน้ำของเด็ก

          เด็กที่อายุ 3 ปีขึ้นไป มักมีกิจกรรมหลายอย่าง กลางแจ้ง หรือ โดนน้ำ ดังนั้นควรเลือก ครีมกันแดดเด็กที่สามารถกันน้ำ กันเหงื่อได้ดี ซึ่งในครีมกันแดด มักระบุว่า Waterproof  เนื้อครีมกันแดด Waterproof จะมีเนื้อที่เหนียว สามารถ เกาะผิวหนังได้ดีกว่า ครีมกันแดดเด็ก สูตรธรรมดา

4.เลือกครีมกันแดดเด็กที่เป็น ออร์แกนิก จากธรรมชาติ

          ครีมกันแดดเด็กมักมีสารบำรุงผิว เช่น วิตามินอี มอยเจอร์ไรเซอร์ ว่านหางจระเข้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ควรเลือกสารบำรุงที่เป็นออร์แกนิก สารบำรุงที่เป็นออร์แกนิกช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการแพ้และการระคายเคืองทางผิวหนังได้มากกว่า แม้จะเลือกครีมกันแดดเด็กที่มีสารบำรุงที่เป็นออร์แกนิกแล้ว ก็ควรสังเกตอาการของเด็กหลังการใช้ เช่น มีอาการคัน แดง ผื่น ไหม้เกรียม เป็นต้น หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์